รวมโฉนดแล้ว “ต้องจ่ายค่าส่วนกลางกี่หลัง”
รวมโฉนดแล้ว “ต้องจ่ายค่าส่วนกลางกี่หลัง”
54 Views

🧾 เมื่อเจ้าของบ้านในหมู่บ้านจัดสรรรวมโฉนดบ้าน 4 หลัง (4 แปลง) ให้เหลือ 2 แปลงใหม่ และแจ้งนิติบุคคลแล้ว แต่ยังถูกเรียกเก็บค่าส่วนกลางตามจำนวนบ้านเท่าเดิม ถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสามารถโต้แย้งได้หรือไม่
.
📌 โดยหลักแล้ว หากการรวมโฉนดดำเนินการโดยถูกต้องตามกฎหมาย และกรมที่ดินได้ออกโฉนดใหม่แล้ว ย่อมมีผลทำให้ที่ดินแปลงเดิมสิ้นสภาพกลายเป็นแปลงใหม่ตามกฎหมาย ดังนั้น การคำนวณค่าส่วนกลางต้องอิงจาก “แปลงที่ดินที่มีอยู่จริง” ไม่ใช่ “จำนวนบ้าน” หรือ “เลขที่บ้านเดิม”
.
⚖️ พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 มาตรา 48 (3) และมาตรา 49 ให้อำนาจนิติบุคคลเรียกเก็บค่าส่วนกลางจากเจ้าของที่ดินตาม “ข้อบังคับ” ซึ่งโดยทั่วไปต้องอิงกับสัดส่วนพื้นที่ หรือจำนวนแปลงที่ดิน เว้นแต่ในข้อบังคับจะระบุชัดว่าใช้ “จำนวนบ้าน” หรือ “หลังคาเรือน” เป็นเกณฑ์
.
📚 หากไม่มีการระบุชัดเจนในข้อบังคับ นิติบุคคล ไม่มีอำนาจ เรียกเก็บเกินจากจำนวนแปลงที่มีอยู่จริง ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง และประกาศกรมที่ดินที่กำหนดชัดเจนว่า การรวมแปลงที่ดินมีผลทางทะเบียน และโฉนดเดิมจะสิ้นสภาพทันทีหากดำเนินการโดยชอบ
.
📮 หากนิติบุคคลยังคงเรียกเก็บค่าส่วนกลางโดยอิง “จำนวนบ้านเดิม” ทั้งที่โฉนดใหม่เหลือเพียง 2 แปลง ย่อมขัดกับสถานะปัจจุบันของที่ดิน
.
✅ ในกรณีนี้ เจ้าของบ้านมีสิทธิ ทำหนังสือคัดค้านต่อคณะกรรมการหมู่บ้านหรือนิติบุคคล แนบโฉนดใหม่และหลักฐานการรวมแปลงที่ดิน และขอให้นิติบุคคลปรับวิธีการเรียกเก็บให้สอดคล้องกับสภาพแปลงที่ดินปัจจุบัน
.
📤 หากนิติบุคคลเพิกเฉย อาจยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด หรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนหรือปรับการเรียกเก็บดังกล่าว
.
📌 เงื่อนไขสำคัญในการใช้สิทธิโต้แย้ง คือ ต้องแสดงให้เห็นว่าการรวมโฉนดทำโดยชอบด้วยกฎหมาย และข้อบังคับนิติบุคคลไม่ได้กำหนดให้เรียกเก็บตาม “จำนวนบ้าน” อย่างชัดเจน
📚 อ่านบทความย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่
🌐 เว็บไซต์: https://lombonlawoffice.com
📘 Facebook: เพจทนายคู่คิด – ปรึกษาปัญหากฎหมาย
.
📌 โดยหลักแล้ว หากการรวมโฉนดดำเนินการโดยถูกต้องตามกฎหมาย และกรมที่ดินได้ออกโฉนดใหม่แล้ว ย่อมมีผลทำให้ที่ดินแปลงเดิมสิ้นสภาพกลายเป็นแปลงใหม่ตามกฎหมาย ดังนั้น การคำนวณค่าส่วนกลางต้องอิงจาก “แปลงที่ดินที่มีอยู่จริง” ไม่ใช่ “จำนวนบ้าน” หรือ “เลขที่บ้านเดิม”
.
⚖️ พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 มาตรา 48 (3) และมาตรา 49 ให้อำนาจนิติบุคคลเรียกเก็บค่าส่วนกลางจากเจ้าของที่ดินตาม “ข้อบังคับ” ซึ่งโดยทั่วไปต้องอิงกับสัดส่วนพื้นที่ หรือจำนวนแปลงที่ดิน เว้นแต่ในข้อบังคับจะระบุชัดว่าใช้ “จำนวนบ้าน” หรือ “หลังคาเรือน” เป็นเกณฑ์
.
📚 หากไม่มีการระบุชัดเจนในข้อบังคับ นิติบุคคล ไม่มีอำนาจ เรียกเก็บเกินจากจำนวนแปลงที่มีอยู่จริง ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง และประกาศกรมที่ดินที่กำหนดชัดเจนว่า การรวมแปลงที่ดินมีผลทางทะเบียน และโฉนดเดิมจะสิ้นสภาพทันทีหากดำเนินการโดยชอบ
.
📮 หากนิติบุคคลยังคงเรียกเก็บค่าส่วนกลางโดยอิง “จำนวนบ้านเดิม” ทั้งที่โฉนดใหม่เหลือเพียง 2 แปลง ย่อมขัดกับสถานะปัจจุบันของที่ดิน
.
✅ ในกรณีนี้ เจ้าของบ้านมีสิทธิ ทำหนังสือคัดค้านต่อคณะกรรมการหมู่บ้านหรือนิติบุคคล แนบโฉนดใหม่และหลักฐานการรวมแปลงที่ดิน และขอให้นิติบุคคลปรับวิธีการเรียกเก็บให้สอดคล้องกับสภาพแปลงที่ดินปัจจุบัน
.
📤 หากนิติบุคคลเพิกเฉย อาจยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด หรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนหรือปรับการเรียกเก็บดังกล่าว
.
📌 เงื่อนไขสำคัญในการใช้สิทธิโต้แย้ง คือ ต้องแสดงให้เห็นว่าการรวมโฉนดทำโดยชอบด้วยกฎหมาย และข้อบังคับนิติบุคคลไม่ได้กำหนดให้เรียกเก็บตาม “จำนวนบ้าน” อย่างชัดเจน
📚 อ่านบทความย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่
🌐 เว็บไซต์: https://lombonlawoffice.com
📘 Facebook: เพจทนายคู่คิด – ปรึกษาปัญหากฎหมาย