การที่จำเลยใช้มือข้างหนึ่งเกาะรถยนต์เพื่อทรงตัว และยืนปัสสาวะระหว่างรถยนต์ของจำเลยกับผู้เสียหายซึ่งจอดอยู่ติดกันในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า เมื่อผู้เสียหายซึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์เข้าต่อว่าและใช้มือตบไปที่ท้ายทอยของจำเลย 1 ครั้ง หากจำเลยตอบโต้โดยมีการต่อปากต่อคำและเข้าชกต่อยผู้เสียหายจนนำไปสู่การวิวาทที่รุนแรง จำเลยจะอ้างเหตุป้องกันหรือบันดาลโทสะได้หรือไม่

148 Views
การกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ.มาตรา 68 มีหลักว่า “ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด” ส่วนการกระทำโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 72 มีหลักว่า “ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้” ตามปัญหา การที่จำเลยใช้มือข้างหนึ่งเกาะรถยนต์เพื่อทรงตัว และยืนปัสสาวะระหว่างรถยนต์ของจำเลยกับผู้เสียหายซึ่งจอดอยู่ติดกันในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าปัสสาวะที่จำเลยถ่ายออกมาจะต้องถูกรถยนต์ของผู้เสียหายไม่มากก็น้อย การกระทำของจำเลยที่ใช้รถยนต์ของผู้อื่นเป็นที่กำบังในการถ่ายปัสสาวะ เป็นความประพฤติที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง จำเลยเป็นผู้ก่อเรื่องไม่งดงามขึ้นก่อน เมื่อจำเลยถูกต่อว่า ไม่ว่าจะถูกผู้เสียหายตบท้ายทอยของจำเลย 1 ครั้งหรือไม่ก็ตาม จำเลยพึงต้องอดทน การที่จำเลยตอบโต้โดยการต่อปากต่อคำและเข้าชกต่อยผู้เสียหายจนนำไปสู่การวิวาทที่รุนแรง ดังนี้ จำเลยหามีสิทธิที่จะอ้างว่าเป็นกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำเพราะบันดาลโทสะแต่ประการใดไม่
 
(เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5371/2542)
 
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ

บทความอื่นๆ