การที่ผู้ขับขี่ดื่มสุราก่อนขับรถจักรยานยนต์แล้วประสบอุบัติเหตุตกท่อระบายน้ำที่ไม่มีฝาปิด เป็นเหตุให้สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนต้องออกจากงาน องค์การบริหารส่วนตำบลจะต้องรับผิดหรือไม่ และเพียงใด
การที่ผู้ขับขี่ดื่มสุราก่อนขับรถจักรยานยนต์แล้วประสบอุบัติเหตุตกท่อระบายน้ำที่ไม่มีฝาปิด เป็นเหตุให้สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนต้องออกจากงาน องค์การบริหารส่วนตำบลจะต้องรับผิดหรือไม่ และเพียงใด
219 Views
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวนั้น มักจะมีการเฉลิมฉลองระหว่างเพื่อนฝูงหรือญาติมิตรด้วยการดื่มสุรา ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่เพิ่มมากขึ้น จึงมีคำถามว่า การที่ผู้ขับขี่ดื่มสุราก่อนขับรถจักรยานยนต์แล้วประสบอุบัติเหตุตกท่อระบายน้ำที่ไม่มีฝาปิด เป็นเหตุให้สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนต้องออกจากงาน องค์การบริหารส่วนตำบลจะต้องรับผิดหรือไม่ และเพียงใด
การที่องค์การบริหารส่วนตำบลปล่อยให้มีการเปิดท่อระบายน้ำทิ้งไว้โดยไม่มีฝาปิด ย่อมจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ถนนในการสัญจรได้ เมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลไม่มีการดูแลและตรวจสอบฝาท่อระบายน้ำที่ตั้งอยู่ริมขอบทางให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย จึงถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามมาตรา 67(1) แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 เมื่อการละเลยต่อหน้าที่ส่งผลให้ผู้ขับขี่ขับรถจักรยานยนต์ตกท่อระบายน้ำได้รับความเสียหายจึงเป็นการกระทำละเมิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 420 อย่างไรก็ดี ในส่วนที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงใดนั้น ป.พ.พ.มาตรา 438 และมาตรา 442 มีหลักว่า ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด และถ้าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของผู้ต้องเสียหายประกอบด้วย ให้นำมาตรา 223 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 223 ว.1 มีหลักว่า ถ้าฝ่ายผู้เสียหายได้มีส่วนทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วย หนี้อันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้นต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำคัญก็คือว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร เมื่อปรากฏว่า ผู้ขับขี่ได้ดื่มสุราแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ความเสียหายส่วนหนึ่งจึงเกิดจากการที่ผู้ขับขี่ไม่มีความพร้อมทางด้านร่างกายก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ จึงเห็นสมควรกำหนดค่าสินไหมทดแทนเท่ากับร้อยละ 50 ของค่าสินไหมทดแทนที่พึงได้รับ
(เทียบเคียงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.633/2561)
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ
การที่องค์การบริหารส่วนตำบลปล่อยให้มีการเปิดท่อระบายน้ำทิ้งไว้โดยไม่มีฝาปิด ย่อมจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ถนนในการสัญจรได้ เมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลไม่มีการดูแลและตรวจสอบฝาท่อระบายน้ำที่ตั้งอยู่ริมขอบทางให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย จึงถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามมาตรา 67(1) แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 เมื่อการละเลยต่อหน้าที่ส่งผลให้ผู้ขับขี่ขับรถจักรยานยนต์ตกท่อระบายน้ำได้รับความเสียหายจึงเป็นการกระทำละเมิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 420 อย่างไรก็ดี ในส่วนที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงใดนั้น ป.พ.พ.มาตรา 438 และมาตรา 442 มีหลักว่า ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด และถ้าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของผู้ต้องเสียหายประกอบด้วย ให้นำมาตรา 223 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 223 ว.1 มีหลักว่า ถ้าฝ่ายผู้เสียหายได้มีส่วนทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วย หนี้อันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้นต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำคัญก็คือว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร เมื่อปรากฏว่า ผู้ขับขี่ได้ดื่มสุราแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ความเสียหายส่วนหนึ่งจึงเกิดจากการที่ผู้ขับขี่ไม่มีความพร้อมทางด้านร่างกายก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ จึงเห็นสมควรกำหนดค่าสินไหมทดแทนเท่ากับร้อยละ 50 ของค่าสินไหมทดแทนที่พึงได้รับ
(เทียบเคียงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.633/2561)
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ