พระภิกษุไม่ยอมจดทะเบียนหย่าโดยอ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์
พระภิกษุไม่ยอมจดทะเบียนหย่าโดยอ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์
100 Views
การที่สามีติดใจรสพระธรรมจนไม่ยอมสึกและไม่ได้กลับไปอยู่กินกับภริยาอีก ภริยาจึงเขียนจดหมายไปขออนุญาตทำการสมรสใหม่ ซึ่งพระภิกษุก็อนุญาตแต่ไม่ยอมจดทะเบียนหย่าโดยอ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ นายทะเบียนจะจดทะเบียนสมรสใหม่ให้ได้หรือไม่
ป.พ.พ.มาตรา 1457 มีหลักว่า “การสมรสตามประมวลกฎหมายนี้จะมีได้เฉพาะเมื่อได้จดทะเบียนแล้วเท่านั้น” และมาตรา 1501 มีหลักว่า “การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนเท่านั้น” เมื่อการบวชเป็นพระภิกษุไม่เป็นเหตุให้ขาดจากการสมรส ภริยาจึงยังคงมีฐานะเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของพระภิกษุอยู่ หากจะมีสามีใหม่จึงอาจกระทำได้เพียง 2 วิธี คือ 1. การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย หรือ 2. การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ทั้งนี้ ตามมาตรา 1514 ดังนั้น แม้พระภิกษุจะอนุญาตแต่ไม่ยอมจดทะเบียนหย่าโดยอ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ ภริยาจึงจำเป็นจะต้องไปร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ขาดจากการเป็นสามีภริยากันเสียก่อน นายทะเบียนจึงจะสมรสใหม่ให้ได้
# แต่การที่สามีไปจากภริยาโดยไม่มีการติดต่อหรือเกี่ยวข้องกันอีกเลย โดยมีเจตนาแยกจากภริยา ถือว่ามีเจตนาทิ้งร้าง หากครบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ภริยาฟ้องหย่าได้ หรือการที่สามีมิได้ดูแลเอาใจใสภริยาเท่าที่ควร (แม้ในขณะที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุ) ถือเป็นการทําการปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง และมิได้ให้ความชวยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝายหนึ่งตามสมควร ภริยาจึงฟ้องหย่าได้เช่นกัน # ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในแต่ละคดี
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ
ป.พ.พ.มาตรา 1457 มีหลักว่า “การสมรสตามประมวลกฎหมายนี้จะมีได้เฉพาะเมื่อได้จดทะเบียนแล้วเท่านั้น” และมาตรา 1501 มีหลักว่า “การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนเท่านั้น” เมื่อการบวชเป็นพระภิกษุไม่เป็นเหตุให้ขาดจากการสมรส ภริยาจึงยังคงมีฐานะเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของพระภิกษุอยู่ หากจะมีสามีใหม่จึงอาจกระทำได้เพียง 2 วิธี คือ 1. การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย หรือ 2. การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ทั้งนี้ ตามมาตรา 1514 ดังนั้น แม้พระภิกษุจะอนุญาตแต่ไม่ยอมจดทะเบียนหย่าโดยอ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ ภริยาจึงจำเป็นจะต้องไปร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ขาดจากการเป็นสามีภริยากันเสียก่อน นายทะเบียนจึงจะสมรสใหม่ให้ได้
# แต่การที่สามีไปจากภริยาโดยไม่มีการติดต่อหรือเกี่ยวข้องกันอีกเลย โดยมีเจตนาแยกจากภริยา ถือว่ามีเจตนาทิ้งร้าง หากครบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ภริยาฟ้องหย่าได้ หรือการที่สามีมิได้ดูแลเอาใจใสภริยาเท่าที่ควร (แม้ในขณะที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุ) ถือเป็นการทําการปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง และมิได้ให้ความชวยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝายหนึ่งตามสมควร ภริยาจึงฟ้องหย่าได้เช่นกัน # ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในแต่ละคดี
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ