พระภิกษุสามเณรสามารถเรียนเนติได้หรือไม่
พระภิกษุสามเณรสามารถเรียนเนติได้หรือไม่
1020 Views
สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เป็นสถานศึกษาที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชานิติศาสตร์มาสมัครเรียนในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อให้มีความรู้ทางกฎหมายในเชิงลึก และถือเป็นคุณสมบัติหนึ่งของผู้ที่จะเข้าสอบแข่งขันเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาหรือพนักงานอัยการผู้ช่วย ในบรรดาผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจึงมีทั้งพระภิกษุและสามเณรที่สนใจจะศึกษาต่อและสอบเป็นเนติบัณฑิตด้วย จึงมีคำถามว่า พระภิกษุสามเณรสามารถเรียนเนติได้หรือไม่ แอดมินมีคำตอบครับ
มหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์ปกครองคณะสงฆ์ได้ออกคำสั่งเรื่อง ห้ามพระภิกษุสงฆ์เรียนวิชาชีพ หรือสอบแข่งขัน หรือสอบคัดเลือกอย่างคฤหัสถ์ พ.ศ. 2538 โดยกำหนดไว้ในข้อ 4 ความว่า “ห้ามพระภิกษุสามเณรเรียนวิชาชีพอย่างคฤหัสถ์ในโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆ ปะปนกับคฤหัสถ์ชายหญิง เช่น พิมพ์ดีด ชวเลข คอมพิวเตอร์ การบัญชี ช่างวิทยุ โทรทัศน์ ช่างไฟฟ้า ช่างเครื่องยนต์ และวิชาชีพอย่างอื่น ที่นับว่าเป็นวิชาชีพอย่างคฤหัสถ์” การเรียนเนติจึงเป็นการขัดต่อคำสั่งของเถรสมาคมดังกล่าวข้างต้น แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะบัญญัติว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่มิได้หมายความว่าประชาชนทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพที่จะกระทำการสิ่งใดได้โดยไม่จำกัดทุกเรื่อง คำสั่งของมหาเถรสมาคมดังกล่าวได้ออกมาเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการประพฤติหรือปฏิบัติตนของพระภิกษุสามเณร โดยเพียงแต่ห้ามมิให้เรียนวิชาชีพบางอย่างซึ่งไม่เหมาะสมกับการดำรงตนอยู่ในสมณเพศอันจะทำให้เป็นที่ติฉินนินทาและเสื่อมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ได้พบเห็น คำสั่งของมหาเถรสมาคมดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 349/2556)
มหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์ปกครองคณะสงฆ์ได้ออกคำสั่งเรื่อง ห้ามพระภิกษุสงฆ์เรียนวิชาชีพ หรือสอบแข่งขัน หรือสอบคัดเลือกอย่างคฤหัสถ์ พ.ศ. 2538 โดยกำหนดไว้ในข้อ 4 ความว่า “ห้ามพระภิกษุสามเณรเรียนวิชาชีพอย่างคฤหัสถ์ในโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆ ปะปนกับคฤหัสถ์ชายหญิง เช่น พิมพ์ดีด ชวเลข คอมพิวเตอร์ การบัญชี ช่างวิทยุ โทรทัศน์ ช่างไฟฟ้า ช่างเครื่องยนต์ และวิชาชีพอย่างอื่น ที่นับว่าเป็นวิชาชีพอย่างคฤหัสถ์” การเรียนเนติจึงเป็นการขัดต่อคำสั่งของเถรสมาคมดังกล่าวข้างต้น แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะบัญญัติว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่มิได้หมายความว่าประชาชนทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพที่จะกระทำการสิ่งใดได้โดยไม่จำกัดทุกเรื่อง คำสั่งของมหาเถรสมาคมดังกล่าวได้ออกมาเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการประพฤติหรือปฏิบัติตนของพระภิกษุสามเณร โดยเพียงแต่ห้ามมิให้เรียนวิชาชีพบางอย่างซึ่งไม่เหมาะสมกับการดำรงตนอยู่ในสมณเพศอันจะทำให้เป็นที่ติฉินนินทาและเสื่อมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ได้พบเห็น คำสั่งของมหาเถรสมาคมดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 349/2556)