สามีอยากมีบุตร แต่ภริยาไม่อยากมีบุตรจึงแอบไปทำแท้ง จะถือเป็นเหตุฟ้องหย่าภริยาได้หรือไม่

103 Views
จากงานวิจัยพบว่าสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวสมัยใหม่ไม่อยากมีบุตรมาจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและความวิตกกังวลถึงสภาพสังคมในปัจจุบัน รวมถึงการเสียโอกาสในการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวตามที่ตนเองต้องการ โดยเฉพาะผู้หญิงหลายคน การมีบุตรถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการงานและการเงินไปทั้งชีวิต อย่างไรก็ดี เหตุผลดังกล่าวกลับสวนทางกับอีกหลายครอบครัวที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน แต่กลับมีบุตรยากหรือทำอย่างไรก็ไม่มีบุตร จึงมีคำถามว่า หากสามีอยากมีบุตร แต่ภริยาไม่อยากมีบุตรจึงแอบไปทำแท้ง จะถือเป็นเหตุฟ้องหย่าภริยาได้หรือไม่
 
# หลังจากมี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ.2564 แก้ไขกฎหมายทำแท้ง โดยรับรองสิทธิในร่างกายและการตัดสินใจของผู้หญิง ให้สามารถยุติการตั้งครรภ์ในขณะที่อายุครรภ์ไม่เกินกว่า 12 สัปดาห์ได้ โดยไม่เป็นความผิดทางอาญา จึงมีผู้หญิงเป็นจำนวนมากเข้าถึงการทำแท้งโดยอิสระและไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้อื่นก่อน อย่างไรก็ดี พฤติการณ์ดังกล่าว อาจถือได้ว่าเป็นการทำร้ายจิตใจของสามีอย่างรุนแรง ขัดกับวัตถุประสงค์ของการดำเนินชีวิตครอบครัวและการอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุข จึงเป็นการที่ภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าภริยาได้ ทั้งนี้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516(6)
 
# พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ให้ความหมายของคำว่า “ปฏิปักษ์” ไว้ว่าหมายถึง ฝ่ายตรงกันข้าม, ข้าศึก หรือศัตรู #
 
# การทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรงประการอื่น เช่น การอาฆาตมาดร้าย, การหมิ่นประมาทหรือการใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าว่ารุนแรง, การทำร้ายร่างกายหรือจิตใจของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง, การปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์, การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นของตนแต่ฝ่ายเดียว, การใช้ยาหรือเครื่องป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดบุตรซึ่งขัดต่อความประสงค์ของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นต้น

# พฤติการณ์เดียว อาจเข้าเหตุหย่าได้หลายเหตุ
 
# ชีวิตคู่ การตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ต้องปรึกษากันก่อน
 
 # บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ

บทความอื่นๆ