ผู้ที่ถูกหลอกให้มอบเงินเพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้เข้าทำงานรับราชการซึ่งไม่เป็นความจริง มีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงได้หรือไม่

หลักเกณฑ์สำคัญประการหนึ่งของการเป็นผู้เสียหายนั้น คือ บุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย กล่าวคือ จะต้องไม่มีส่วนในการกระทำความผิด หรือไม่เป็นผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน หรือรู้เห็นในการกระทำความผิดหรือการกระทำที่มีวัตถุประสงค์ที่ผิดต่อกฎหมายนั้นด้วย จึงมีคำถามว่า ผู้ที่ถูกหลอกให้มอบเงินเพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้เข้าทำงานรับราชการซึ่งไม่เป็นความจริง มีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงได้หรือไม่
 
ในป.วิ.อ.นั้น ได้บัญญัติให้ “ผู้เสียหาย” มีสิทธิดำเนินคดีในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การร้องทุกข์ การฟ้องคดี การเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ การเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การถอนฟ้องหรือยอมความ ตลอดจนการอุทธรณ์และฎีกา ดังนั้น การเป็นผู้เสียหายหรือไม่จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จากคำถามข้างต้น การมอบเงินให้แก่ผู้กระทำความผิดนั้นเกิดจากการหลอกลวงของผู้กระทำความผิด เป็นเหตุให้บุคคลดังกล่าวหลงเชื่อว่าเป็นความจริง และมอบเงินให้แก่ผู้กระทำความผิดไปดำเนินการตามที่ผู้กระทำความผิดกล่าวอ้าง ถือไม่ได้ว่าผู้ที่ถูกหลอกนั้นเป็นผู้ก่อให้กระทำความผิด จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย มีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำความผิดในความผิดฐานฉ้อโกงได้
 
(เทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2563)