การใช้ “สงครามเสียง” ควบคุมชายแดน

7 Views
👻 เสียงผี 🐕 เสียงสุนัขหอน หรือ ✈️ เสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ดังขึ้นกลางดึก บางครั้งไม่ใช่เรื่องลึกลับ… แต่คือ “เสียงขับไล่” ที่เจ้าหน้าที่ใช้ป้องปรามผู้ลี้ภัยซึ่งครบกำหนดต้องออกนอกประเทศแล้วแต่ยังไม่ยอมไป คำถามคือ เสียงเหล่านี้ผิดกฎหมายหรือไม่🤔
.
🇹🇭 หากพิจารณากฎหมายไทย อาจเข้าข่ายตาม ป.อ. มาตรา 370 (ส่งเสียงอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร) หรือมาตรา 397 (รังแก ข่มเหง หรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญ) รวมถึงอาจขัดกับหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตาม รธน. มาตรา 32 และ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 หากเสียงนั้นเกินจำเป็นหรือรบกวนพลเรือนไทยในพื้นที่ใกล้เคียง
.
🌍 สำหรับกฎหมายระหว่างประเทศ มีหลักว่า ห้ามผลักดันผู้ลี้ภัยกลับไปในสภาพที่เสี่ยงต่ออันตราย (Non-Refoulement) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ย้ำว่า "รัฐต้องไม่ใช้วิธีการที่โหดร้ายหรือย่ำยีศักดิ์ศรี” แม้การใช้เสียงอาจดูเบากว่ากระสุน แต่หากเกินขอบเขต ก็อาจกลายเป็น “การละเมิดสิทธิมนุษยชน” ได้ หากความรุนแรงดังกล่าวมีความต่อเนื่องจนกระทบสุขภาพจิตหรือร่างกายอย่างถาวร เช่น เปิดเสียงต่อเนื่องตลอดเวลาทั้งเช้าทั้งเย็น
.
🚍🗯️ การใช้เสียงเพื่อขับไล่ผู้ลี้ภัยที่อยู่เกินกำหนด หากกระทำโดยจำกัดวงเพียงเพื่อ “ป้องกันการบุกรุก” หรือ “ควบคุมสถานการณ์” และยังอยู่ภายในขอบเขตอำนาจรัฐ ภายใต้กรอบแห่งอำนาจอธิปไตยของไทย ก็อาจถือเป็นมาตรการที่ไม่รุนแรงและชอบด้วยกฎหมาย
.
🚧 แต่ท้ายที่สุด... เสียงที่ดังที่สุด อาจไม่ใช่เสียงของผี เครื่องบิน หรือสุนัขหอน หากแต่คือ “เสียงของสามัญสำนึก” ที่เตือนให้เรารักษาความมั่นคงของแผ่นดิน โดยไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปด้วย..✍🏻
.
https://www.youtube.com/watch?v=g7J4ldlxw9I
.
📚 อ่านบทความย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่
• เว็บไซต์: https://lombonlawoffice.com
• เพจ Facebook: เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย