การทำความดีโดยการเปิดหรือใช้บัญชีธนาคารของตนเองรับบริจาคเพื่อองค์กรการกุศล สามารถกระทำได้หรือไม่
การทำความดีโดยการเปิดหรือใช้บัญชีธนาคารของตนเองรับบริจาคเพื่อองค์กรการกุศล สามารถกระทำได้หรือไม่
316 Views
การทำความดีเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบันที่ทุกคนต่างต้องการกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุดเพื่อความอยู่รอดของตนเอง อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงก็ยังมีบุคคล ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ต้องการอุทิศตนเองเพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคมด้วยวิธีการต่างๆ เมื่อเงินยังคงเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการที่สำคัญ จึงเป็นที่มาของการเปิดหรือใช้บัญชีธนาคารของตนเองเพื่อการรับบริจาคโดยมีการโฆษณาว่าจะนำเงินที่ได้รับไปมอบให้แก่หน่วยงานต่างๆ จึงมีคำถามว่า การทำความดีโดยการเปิดหรือใช้บัญชีธนาคารของตนเองรับบริจาคเพื่อองค์กรการกุศล สามารถกระทำได้หรือไม่
การเรี่ยไร ความหมายว่า การเก็บเงินหรือทรัพย์สินโดยขอร้องให้ช่วยออกเงินหรือทรัพย์สินตามใจสมัคร และให้หมายความรวมถึงการซื้อขายแลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือโดยปริยายว่ามิใช่เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการธรรมดา แต่เพื่อรวบรวมเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นด้วย (ทั้งนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2554 ประกอบ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 มาตรา 4) ดังนั้น แม้การรับบริจาคจะมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ องค์กรการกุศล หรือสาธารณประโยชน์ ก็ตาม ย่อมตกอยู่ภายใต้ความหมายของคำว่า “การเรี่ยไร” ทั้งสิ้น ซึ่งต้องขออนุญาตต่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (กรณีต่างจังหวัด ต้องติดต่อที่ว่าการอำเภอ) ก่อนการดำเนินการ # นอกจากนี้ หากการขอรับบริจาคดังกล่าวไม่เป็นความจริงหรือมีเจตนาหลอกลวงย่อมมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341 หรือมาตรา 343 แล้วแต่กรณี รวมทั้งอาจจะถูกตรวจสอบทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ
การเรี่ยไร ความหมายว่า การเก็บเงินหรือทรัพย์สินโดยขอร้องให้ช่วยออกเงินหรือทรัพย์สินตามใจสมัคร และให้หมายความรวมถึงการซื้อขายแลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือโดยปริยายว่ามิใช่เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการธรรมดา แต่เพื่อรวบรวมเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นด้วย (ทั้งนี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2554 ประกอบ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 มาตรา 4) ดังนั้น แม้การรับบริจาคจะมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ องค์กรการกุศล หรือสาธารณประโยชน์ ก็ตาม ย่อมตกอยู่ภายใต้ความหมายของคำว่า “การเรี่ยไร” ทั้งสิ้น ซึ่งต้องขออนุญาตต่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (กรณีต่างจังหวัด ต้องติดต่อที่ว่าการอำเภอ) ก่อนการดำเนินการ # นอกจากนี้ หากการขอรับบริจาคดังกล่าวไม่เป็นความจริงหรือมีเจตนาหลอกลวงย่อมมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341 หรือมาตรา 343 แล้วแต่กรณี รวมทั้งอาจจะถูกตรวจสอบทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ