สัญญากู้ยืมเงินที่ทำขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีการระบุอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ผู้บริโภคจะนำสืบพยานบุคคลว่ามีการคิดดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดได้หรือไม่

469 Views
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2563
“ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 10 ว.1 บัญญัติว่า “บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่บังคับให้นิติกรรมใดต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้นั้น มิให้นำมาใช้บังคับแก่ผู้บริโภคในการฟ้องร้อง บังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจชำระหนี้” และ ว.3 บัญญัติว่า “ในการดำเนินคดีตาม ว.1 และ ว.2 มิให้นำมาตรา 94 แห่ง ป.วิ.พ. มาใช้บังคับในการฟ้องผู้บริโภคและพิสูจน์ถึงนิติกรรมหรือสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจ” หมายถึง การดำเนินคดีผู้บริโภครวมถึงในกรณีผู้บริโภคถูกฟ้อง มิให้นำมาตรา 94 แห่ง ป.วิ.พ. มาใช้บังคับ ผู้บริโภคสามารถนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารสัญญากู้ได้ โจทก์เองรับว่าให้จำเลยกู้โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน และรับว่าจำเลยชำระดอกเบี้ยดังกล่าวมาให้โจทก์ 1 ปีแล้ว ซึ่งเป็นการคิดดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 654 มีผลให้ดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นโมฆะ เท่ากับสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวมิได้มีการตกลงเรื่องดอกเบี้ยกันไว้ และสำหรับคดีผู้บริโภคถือไม่ได้ว่าจำเลยชำระหนี้โดยจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำอันใดตามอำเภอใจเสมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้ว่าตนไม่มีความผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องชำระอันเป็นเหตุให้จำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินคืนตาม ป.พ.พ. มาตรา 407 จึงต้องนำเงินที่จำเลยชำระหนี้ไปชำระต้นเงิน”
 
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ

บทความอื่นๆ