การชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้
การชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้
449 Views
นายมิวตกลงทำสัญญาจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 69 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จำนวนเนื้อที่ 10 ไร่ ให้แก่นายติ๊กในราคา 10,000,000 บาท โดยรับมัดจำแล้วจำนวน 2,000,000 บาท ส่วนที่เหลือตกลงจะชำระในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี ก่อนถึงวันนัด นายติ๊กสืบทราบมาว่าที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตสำรวจของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเวนคืนสำหรับการก่อสร้างศูนย์บรรจุและแยกสินค้า นายติ๊กจึงแจ้งนายมิวขอขยายเวลารับโอนกรรมสิทธิ์ แต่นายมิวไม่ยอม เมื่อถึงวันนัด นายมิวจึงไปพบเจ้าพนักงานที่ดินและให้ทำบันทึกว่า นายติ๊กไม่มาจดทะเบียนรับโอน และใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา พร้อมกับริบมัดจำจำนวน 2,000,000 บาท ต่อมา ปรากฏผลการเวนคืนว่าที่ดินของนายมิวถูกเวนคืนไปเพียงบางส่วนเป็นจำนวน 1 ไร่ และคณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนได้กำหนดค่าทดแทนสำหรับที่ดินตารางวาละ 4,000 บาท (ไร่ละ 1,600,000 บาท) จึงมีคำถามว่า กรณีดังกล่าว นายมิวจะต้องคืนมัดจำให้แก่นายติ๊กหรือไม่
วัตถุประสงค์แห่งหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงนี้ คือ การรับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามจำนวนเนื้อที่ที่จะซื้อสำหรับนายติ๊ก และการชำระค่าที่ดินตามจำนวนที่ตกลงกันสำหรับนายมิว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตั้งแต่วันถึงกำหนดโอนตามสัญญาว่าจะมีการเวนคืนที่ดิน และที่ดินที่จะซื้อจะขายอยู่ในเขตเวนคืนด้วย อันจะมีผลทำให้ที่ดินที่จะซื้อจะขายถูกเวนคืนทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ดังนั้น การปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาจึงเกิดปัญหาทั้งในส่วนจำนวนเนื้อที่ดินที่นายติ๊กจะพึงได้รับตามที่ได้ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ และในส่วนจำนวนค่าที่ดินที่นายมิวมุ่งไว้ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามสัญญาจะซื้อจะขาย กรณีจึงถือได้ว่าการชำระหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 372 ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องชำระหนี้ต่อกันต่อไปอีก กรณีไม่อาจถือได้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา นายมิวจึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากนายติ๊กได้ สำหรับเงินมัดจำที่นายมิวรับไว้จากนายติ๊กจำนวน 2,000,000 บาทนั้น เมื่อการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ นายมิวจึงต้องคืนมัดจำให้แก่นายติ๊ก
(เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9241/2539)
# 1 ไร่ เท่ากับ 4 งาน หรือเท่ากับ 400 ตารางวา
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ
วัตถุประสงค์แห่งหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงนี้ คือ การรับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามจำนวนเนื้อที่ที่จะซื้อสำหรับนายติ๊ก และการชำระค่าที่ดินตามจำนวนที่ตกลงกันสำหรับนายมิว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตั้งแต่วันถึงกำหนดโอนตามสัญญาว่าจะมีการเวนคืนที่ดิน และที่ดินที่จะซื้อจะขายอยู่ในเขตเวนคืนด้วย อันจะมีผลทำให้ที่ดินที่จะซื้อจะขายถูกเวนคืนทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ดังนั้น การปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาจึงเกิดปัญหาทั้งในส่วนจำนวนเนื้อที่ดินที่นายติ๊กจะพึงได้รับตามที่ได้ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ และในส่วนจำนวนค่าที่ดินที่นายมิวมุ่งไว้ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามสัญญาจะซื้อจะขาย กรณีจึงถือได้ว่าการชำระหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 372 ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องชำระหนี้ต่อกันต่อไปอีก กรณีไม่อาจถือได้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา นายมิวจึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากนายติ๊กได้ สำหรับเงินมัดจำที่นายมิวรับไว้จากนายติ๊กจำนวน 2,000,000 บาทนั้น เมื่อการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ นายมิวจึงต้องคืนมัดจำให้แก่นายติ๊ก
(เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9241/2539)
# 1 ไร่ เท่ากับ 4 งาน หรือเท่ากับ 400 ตารางวา
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ