หากลูกค้าไม่ได้เก็บหลักฐานการชำระค่าบริการโทรศัพท์มือถือไว้จะยกเรื่องอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้บริการได้หรือไม่

200 Views
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพียง 2 ราย ดังนั้น หากผู้ให้บริการรายใดให้บริการไม่ดี สัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า หลุดบ่อย หรือมีโปรโมชั่นที่แพง ลูกค้าก็สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการกับผู้ให้บริการอีกรายได้อย่างง่ายดายโดยใช้เวลาเพียง 3 วันทำการ อย่างไรก็ดี อาจมีกรณีที่เมื่อลูกค้าแจ้งยกเลิกบริการ และได้รับการยืนยันจากผู้ให้บริการเดิมว่ายกเลิกเรียบร้อยแล้วและไม่มีใบแจ้งหนี้จากผู้ให้บริการเดิมอีกเลย แต่หลายปีต่อมากลับมีหนังสือทวงถามจากผู้ให้บริการว่า “ลูกค้ายังคงค้างชำระค่าบริการเป็นเงินจำนวน XXXX บาท ขอให้ชำระค่าบริการดังกล่าวภายใน XX วัน หากไม่ชำระ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” จึงมีคำถามว่า ในกรณีเช่นนี้ หากลูกค้าไม่ได้เก็บหลักฐานการชำระค่าบริการโทรศัพท์มือถือไว้เลยจะยกเรื่องอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้บริการได้หรือไม่
 
ป.พ.พ.มาตรา 193/34 มีหลักว่า “สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความ 2 ปี ..... (7) บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน (1) แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับในการนั้น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป” ตามปัญหา การที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจัดให้มีบริการโทรศัพท์และเรียกเก็บค่าใช้บริการ ถือว่าผู้ให้บริการเป็นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับในการนั้น สิทธิเรียกร้องค่าใช้บริการโทรศัพท์ดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ดังนั้น หากผู้ให้บริการนำคดีมาฟ้องเกินกว่า 2 ปี นับแต่วันที่ผู้ให้บริการสามารถใช้สิทธิเรียกร้องให้ลูกค้าชำระค่าบริการได้ คดีย่อมขาดอายุความ เมื่อคดีขาดอายุความแล้ว ลูกค้าจึงไม่จำเป็นต้องเก็บหลักฐานการชำระค่าบริการไว้ แต่ยังคงมีสิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้โดยยกเรื่องหนี้ขาดอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้บริการได้
 
(ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1892/2545 และความเห็นของคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม)
 
# บทความย้อนหลังอ่านได้ที่ https://lombonlawoffice.com/ หรือ “เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย” ครับ

บทความอื่นๆ