ลูกจ้างจ่ายค่าซ่อมคอมพิวเตอร์เต็มจำนวน แต่นายจ้างนำไปเคลมประกันในภายหลัง มีความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่
ลูกจ้างจ่ายค่าซ่อมคอมพิวเตอร์เต็มจำนวน แต่นายจ้างนำไปเคลมประกันในภายหลัง มีความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่
9 Views

กรณีศึกษา: “ลูกจ้างทำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กซึ่งอยู่ในประกันของนายจ้างตกเสียหาย นายจ้างจึงนำไปประเมินราคาค่าซ่อมจากร้านทั่วไปและแจ้งลูกจ้างว่าค่าซ่อมอยู่ที่ 40,000 บาท ลูกจ้างจึงยินยอมชำระเงินจำนวนดังกล่าว ต่อมา นายจ้างได้นำเครื่องไปเคลมประกัน แต่บริษัทประกันคุ้มครองค่าซ่อม 30,000 บาท นายจ้างจึงจ่ายเพียงส่วนต่างอีก 10,000 บาท ต่อมา หากลูกจ้างทราบว่านายจ้างจ่ายค่าซ่อมแต่เพียงส่วนต่าง จะสามารถดำเนินคดีกับนายจ้างในความผิดฐานฉ้อโกงได้หรือไม่”
ป.อ.มาตรา 341 มีหลักว่า “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” การที่นายจ้างแจ้งค่าซ่อมตามราคาประเมินจากร้านทั่วไป และลูกจ้างยินยอมชำระเงินโดยสมัครใจโดยอาศัยการประเมินราคา ก่อนที่นายจ้างจะนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเคลมประกันในภายหลัง “ไม่ใช่การแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยเจตนาทุจริต ณ เวลาที่ลูกจ้างตกลง” อีกทั้ง “นายจ้างมีสิทธิเลือกจะใช้ประกันหรือไม่ก็ได้” และการที่ภายหลังประกันครอบคลุมบางส่วนไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่นายจ้างต้องแจ้งแต่แรก การกระทำดังกล่าวจึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่านายจ้างรู้อยู่แล้วว่าจะทำการเคลมประกัน และจงใจปิดบังเพื่อให้ลูกจ้างจ่ายเงินเกินความจริง
อย่างไรก็ดี แม้ไม่เข้าข่ายความผิดทางอาญา แต่ในทางแพ่ง การที่ลูกจ้างจ่ายเงินค่าซ่อมเต็มจำนวนโดยเข้าใจว่าค่าเสียหายทั้งจำนวนตกเป็นภาระของตนเอง อาจถือเป็นการชำระหนี้โดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง หากความเสียหายจริงของนายจ้างเหลือเพียง 10,000 บาท ลูกจ้างย่อมมีสิทธิเรียกคืนส่วนที่เกินจากนายจ้างในฐานะลาภมิควรได้ตามป.พ.พ.มาตรา 406
📚 อ่านบทความย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่
• เว็บไซต์: https://lombonlawoffice.com
• เพจ Facebook: เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย
ป.อ.มาตรา 341 มีหลักว่า “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” การที่นายจ้างแจ้งค่าซ่อมตามราคาประเมินจากร้านทั่วไป และลูกจ้างยินยอมชำระเงินโดยสมัครใจโดยอาศัยการประเมินราคา ก่อนที่นายจ้างจะนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเคลมประกันในภายหลัง “ไม่ใช่การแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยเจตนาทุจริต ณ เวลาที่ลูกจ้างตกลง” อีกทั้ง “นายจ้างมีสิทธิเลือกจะใช้ประกันหรือไม่ก็ได้” และการที่ภายหลังประกันครอบคลุมบางส่วนไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่นายจ้างต้องแจ้งแต่แรก การกระทำดังกล่าวจึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่านายจ้างรู้อยู่แล้วว่าจะทำการเคลมประกัน และจงใจปิดบังเพื่อให้ลูกจ้างจ่ายเงินเกินความจริง
อย่างไรก็ดี แม้ไม่เข้าข่ายความผิดทางอาญา แต่ในทางแพ่ง การที่ลูกจ้างจ่ายเงินค่าซ่อมเต็มจำนวนโดยเข้าใจว่าค่าเสียหายทั้งจำนวนตกเป็นภาระของตนเอง อาจถือเป็นการชำระหนี้โดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง หากความเสียหายจริงของนายจ้างเหลือเพียง 10,000 บาท ลูกจ้างย่อมมีสิทธิเรียกคืนส่วนที่เกินจากนายจ้างในฐานะลาภมิควรได้ตามป.พ.พ.มาตรา 406
📚 อ่านบทความย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่
• เว็บไซต์: https://lombonlawoffice.com
• เพจ Facebook: เพจทนายคู่คิด-ปรึกษาปัญหากฎหมาย