???? ผู้นำประเทศที่เปิดฉากการรบโดยเน้นทำลายพลเรือน เป็นอาชญากรสงครามหรือไม่ ????
???? ผู้นำประเทศที่เปิดฉากการรบโดยเน้นทำลายพลเรือน เป็นอาชญากรสงครามหรือไม่ ????
28 Views

ในสนามรบที่ปืนใหญ่คำราม 🔥 เสียงระเบิดกึกก้อง 💥 และประชาชนวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากเงามืดแห่งสงคราม 🏚️ คำถามที่มนุษยชาติไม่อาจละเลยคือ “ใครต้องผู้รับผิดชอบ” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้นเพลิงของความหายนะคือ ผู้นำประเทศเอง ที่มิได้ยั้งมือไว้กับเป้าหมายที่ไร้อาวุธ 🧍♀️🧍♂️
.
⚖️ กฎหมายไม่เงียบในยามสงคราม
.
ตามอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 🕊️ และ ธรรมนูญกรุงโรมแห่งศาลอาญาระหว่างประเทศ 📜 การ โจมตีพลเรือนโดยเจตนา หรือทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน โดยไม่มีความจำเป็นทางทหารนั้น เป็นการกระทำที่เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม” (War Crimes)” อย่างชัดเจน
.
กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศยืนหยัดบนหลัก “การแยกแยะ” (Distinction) และ “ความได้สัดส่วน” (Proportionality) ซึ่งแม้ในยามสงคราม ผู้บัญชาการก็ยังต้องแยกแยะเป้าหมายระหว่างทหารกับพลเรือน และไม่ก่อความเสียหายเกินจำเป็น
.
🔥 ความผิดที่มองเห็นได้ด้วยเปลือกตา
.
หากผู้นำสั่งให้โจมตีโรงพยาบาล 🏥 ใช้ระเบิดแบบปูพรม 💣 ในชุมชนเมือง หรือใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ 🛡️ นั่นมิใช่เพียงการละเมิดจริยธรรม แต่คือการกระทำที่โลกทั้งใบประณามว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
.
🧠 ผู้นำไม่ใช่เพียงนักวางแผน หากแต่คือผู้รับผิดชอบ
.
ตามหลัก Command Responsibility ผู้นำประเทศหรือผู้บัญชาการทหาร 👤 ที่สั่งการโดยตรง หรือรู้เห็นแต่ เพิกเฉยต่อการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมมีความผิดเช่นเดียวกัน
.
🧑⚖️ สามารถถูกดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ⚖️ หรือ ศาลพิเศษเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นโดยสหประชาชาติ
.
🌍 ไม่มีที่หลบซ่อนที่แท้จริง
.
ในโลกยุคใหม่ที่กฎหมายข้ามพรมแดน ✈️ ผู้นำที่ก่ออาชญากรรมสงคราม หากหลบหนีไปต่างประเทศ อาจถูกจับกุมได้โดยอาศัยหลักเขตอำนาจสากล (Universal Jurisdiction) และ/หรือหมายจับจากศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC 🔗
.
📃 สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
.
แม้จะมีข้อจำกัดทางการเมืองหรือสิทธิพิเศษของประมุขแห่งรัฐ แต่ในที่สุด ความยุติธรรมก็มักตามทันเสมอ
ดั่งที่โลกได้พิพากษาผู้นำใน 🇷🇸 ยูโกสลาเวีย, 🇷🇼 รวันดา และ 🇱🇷 ไลบีเรีย มาแล้ว
.
การรบเพื่อปกป้องชาติ มิใช่การล้างเผ่าพันธุ์เพื่อเอาชนะ” ผู้นำประเทศใดเปิดฉากสงครามด้วยเป้าหมายที่เหยียบย่ำพลเรือน โดยเจตนาและอย่างเป็นระบบ ไม่ได้เพียงเป็นศัตรูของประเทศฝ่ายตรงข้าม หากแต่กลายเป็น “อาชญากรของมนุษยชาติทั้งมวล”
.
📚 อ่านบทความย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่
🌐 เว็บไซต์: https://lombonlawoffice.com
📘 Facebook: เพจทนายคู่คิด – ปรึกษาปัญหากฎหมาย
.
⚖️ กฎหมายไม่เงียบในยามสงคราม
.
ตามอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 🕊️ และ ธรรมนูญกรุงโรมแห่งศาลอาญาระหว่างประเทศ 📜 การ โจมตีพลเรือนโดยเจตนา หรือทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน โดยไม่มีความจำเป็นทางทหารนั้น เป็นการกระทำที่เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม” (War Crimes)” อย่างชัดเจน
.
กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศยืนหยัดบนหลัก “การแยกแยะ” (Distinction) และ “ความได้สัดส่วน” (Proportionality) ซึ่งแม้ในยามสงคราม ผู้บัญชาการก็ยังต้องแยกแยะเป้าหมายระหว่างทหารกับพลเรือน และไม่ก่อความเสียหายเกินจำเป็น
.
🔥 ความผิดที่มองเห็นได้ด้วยเปลือกตา
.
หากผู้นำสั่งให้โจมตีโรงพยาบาล 🏥 ใช้ระเบิดแบบปูพรม 💣 ในชุมชนเมือง หรือใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ 🛡️ นั่นมิใช่เพียงการละเมิดจริยธรรม แต่คือการกระทำที่โลกทั้งใบประณามว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
.
🧠 ผู้นำไม่ใช่เพียงนักวางแผน หากแต่คือผู้รับผิดชอบ
.
ตามหลัก Command Responsibility ผู้นำประเทศหรือผู้บัญชาการทหาร 👤 ที่สั่งการโดยตรง หรือรู้เห็นแต่ เพิกเฉยต่อการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมมีความผิดเช่นเดียวกัน
.
🧑⚖️ สามารถถูกดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ⚖️ หรือ ศาลพิเศษเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นโดยสหประชาชาติ
.
🌍 ไม่มีที่หลบซ่อนที่แท้จริง
.
ในโลกยุคใหม่ที่กฎหมายข้ามพรมแดน ✈️ ผู้นำที่ก่ออาชญากรรมสงคราม หากหลบหนีไปต่างประเทศ อาจถูกจับกุมได้โดยอาศัยหลักเขตอำนาจสากล (Universal Jurisdiction) และ/หรือหมายจับจากศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC 🔗
.
📃 สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
.
แม้จะมีข้อจำกัดทางการเมืองหรือสิทธิพิเศษของประมุขแห่งรัฐ แต่ในที่สุด ความยุติธรรมก็มักตามทันเสมอ
ดั่งที่โลกได้พิพากษาผู้นำใน 🇷🇸 ยูโกสลาเวีย, 🇷🇼 รวันดา และ 🇱🇷 ไลบีเรีย มาแล้ว
.
การรบเพื่อปกป้องชาติ มิใช่การล้างเผ่าพันธุ์เพื่อเอาชนะ” ผู้นำประเทศใดเปิดฉากสงครามด้วยเป้าหมายที่เหยียบย่ำพลเรือน โดยเจตนาและอย่างเป็นระบบ ไม่ได้เพียงเป็นศัตรูของประเทศฝ่ายตรงข้าม หากแต่กลายเป็น “อาชญากรของมนุษยชาติทั้งมวล”
.
📚 อ่านบทความย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่
🌐 เว็บไซต์: https://lombonlawoffice.com
📘 Facebook: เพจทนายคู่คิด – ปรึกษาปัญหากฎหมาย